เมนู

3. มฆเทวสูตร



[452] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่อัมพวัน ของพระเจ้า
มฆเทวะ ใกล้เมืองมิถิลา. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแย้มพระสรวลให้
ปรากฏ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง. ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้มีความคิดว่า
อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแย้มพระสรวล
พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้ ดังนี้แล้ว จึงทำ
จีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้ทูล
ถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดย
หาเหตุมิได้.
[453] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว
ในเมืองมิถิลานี้แหละ ได้มีพระราชาพระนามว่ามฆเทวะ ทรงประกอบในธรรม
เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้ทรงทั้งอยู่ในธรรม ทรงประพฤติ
ราชธรรมในพราหมณคหบดี ในชาวนิคมและชาวชนบท ทรงรักษาอุโบสถ
ทุกวันที่สิบสี่สิบห้าและแปดคำแห่งปักษ์. ดูก่อนอานนท์ ครั้งนั้น ด้วยล่วงปี
เป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก พระเจ้ามฆเทวะ
รับสั่งกะช่างกัลบกว่า ดูก่อนเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะของ
เราเมื่อใด พึงบอกเราเมื่อนั้น . ช่างกลบกทูลรับพระเจ้ามฆเทวะว่า อย่างนั้น
ขอเดชะ. ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็น
อันมาก ช่างกัลบกได้เห็นพระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรของพระเจ้ามฆเทวะ

แล้วได้กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดบน
พระเศียรแล้วเห็นปรากฏอยู่.
พระเจ้ามฆเทวะตรัสว่า ดูก่อนเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเอา
แหนบถอนผมหงอกนั้นให้ดี แล้ววางลงที่กระพุ่มมือของเราเถิด.
ช่างกัลบกทูลรับสั่งของพระเจ้ามฆเทวะ แล้วจึงเอาแหนบถอนพระ-
เกศาหงอกนั้นด้วยดี แล้ววางไว้ที่กระพุ่มพระหัตถ์ของพระเจ้ามฆเทวะ. ครั้งนั้น
พระเจ้ามฆเทวะพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก แล้วโปรดให้พระราชทาน
กุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วรับสั่งว่า ดูก่อนพ่อกุมาร เทวทูต
ปรากฏแก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดที่ศีรษะแล้วเห็นปรากฏอยู่ ก็กามทั้งหลายที่
เป็นของมนุษย์เราได้บริโภคแล้ว เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากามทั้งหลายที่
เป็นทิพย์ มาเถิดพ่อกุมาร เจ้าจงครองราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและ
หนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ดูก่อนพ่อกุมาร
ส่วนเจ้า เมื่อใดพึงเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะ เมื่อนั้นเจ้าพึงให้บ้านส่วยแก่
ช่างกัลบก พึงพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ในการที่จะเป็น
พระราชาให้ดี แล้วปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช
เป็นบรรพชิตเถิด เจ้าพึงประพฤติตามวัตรอันงาม ที่เราตั้งไว้แล้วนี้ เจ้าอย่า
ได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย เมื่อสมัยแห่งบุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงาม
เห็นปานนี้ขาดสูญไป สมัยแห่งบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายของราช-
บรรพชิตนั้น ดูก่อนพ่อกุมาร เจ้าจะพึงพระพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้
แล้วนี้ ได้ด้วยประการใด เรากล่าวอย่างนี้กะเจ้าด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้
เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.

พระเจ้ามฆเทวะทรงผนวช



[454] ดูก่อนอานนท์ ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะครั้นพระราชทาน
บ้านส่วยแก่ช่างกัลบก และทรงพร่ำสอนพระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตร
องค์ใหญ่ ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดีแล้ว ทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ
ทรงนุ่งห่มผ้ากาสายะ เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
ที่มฆเทวัมพวันนี้และ ท้าวเธอทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไป
ทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน ทรงมีพระ-
หฤทัยประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร
ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่
ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้. ทรงมี
พระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา... ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา... ทรงมี
พระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่. ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม
ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน . ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ เป็น
มหัคคตะหาประมาณมิได้. ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่ง
ประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่าในที่ทุกสถานทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องหน้า เบื้องขวาง
ด้วยประการฉะนี้. ดูก่อนอานนท์ ก็พระเจ้ามฆเทวะทรงเล่นเป็นพระกุมารอยู่
แปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรงความเป็นอุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติ
แปดหมื่นสี่พันปี เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวันนี้แลแปดหมื่นสี่พันปี. พระองค์ทรง
เจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก.
[455] ดูก่อนอานนท์ ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ
โดยล่วงปีไปเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก รับสั่งกะ
ช่างกัลบกว่าดูก่อนเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะของเราเมื่อใด